หากคุณสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ คุณอยากเปลี่ยนอะไร อยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพียงการพักผ่อนหย่อนใจ อยากหยุดภาวะโลกร้อนแต่ยังสร้างพลังงานเชื้อเพลิงจากฟอสซิล หรืออยากขอจรรยาบรรณและจริยธรรมจากบรรดาธนาคารและเหล่านักการเมือง อย่างแน่นอนที่สุด ไม่มีสิ่งไหนที่ไม่เป็นความจริงไปกว่าการปล่อยให้ทุกสิ่งเป็นไปในแบบที่เคยเป็นและคาดหวังในผลลัพธ์ที่ต่างออกไป
สถานภาพทางการเงินส่วนตัวและภาวะทางอารมณ์ของเราได้พยายามต่อสู้ดิ้นรนจากผลกระทบของกลียุคและภัยพิบัติทั่วโลก ถึงแม้เราจะใช้เวลาที่เหลือในแต่ละวันไปกับการพยายามดับไฟ จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งทีละจุด แต่ไฟก็จะกลับมาลุกไหม้เช่นเดิม ณ จุดเดิม ไม่มีวิธีแก้ปัญหาในแบบทีละเล็กละน้อยที่จะได้ผล ซึ่งเราจำเป็นต้องคิดใหม่ว่าทุกสิ่งเป็นไปตามตรรกะของเหตุและผลที่ต่างกัน
ภาพหลอนแห่งเสรีภาพยังตามหลอกหลอนไปทั่วทุกมุมโลกด้วยภาพที่ต่างกัน จากการที่เราต่างได้รับคำมั่นสัญญามาตลอดว่าสามารถตัดสินใจด้วยตนเองบนพื้นฐานแห่งตนอย่างสมบูรณ์ ทุกสถาบันในสังคมควรส่งมอบมัน
หากคุณมีความตั้งใจว่าจะตัดสินใจทุกสิ่งด้วยตนเองแล้ว ตอนนี้คุณจะทำอะไร นึกถึงศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต ความสัมพันธ์ที่สามารถสร้างได้ สิ่งที่ให้ประสบการณ์ล้ำค่า ทุกทางที่จะรู้สึกว่าชีวิตช่างมีความหมายจากการดำรงอยู่ด้วยคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ ในช่วงเวลาที่เกิดช่างดูเหมือนว่าศักยภาพต่างๆ ในสิ่งที่คุณจะเป็นได้ล้วนไม่มีขีดจำกัดและนั้นเป็นการแสดงออกถึงความเป็นไปได้อย่างแท้จริง
โดยปกติเราจะไม่หยุดนึกถึงสิ่งเหล่านี้อาจมีเพียงบางช่วงบางตอนของชีวิตในเวลาที่สวยงามที่สุด เมื่อตกหลุมรัก บรรลุความก้าวหน้า หรือท่องเที่ยวยังดินแดนห่างไกลในฝัน แล้วเราเองได้สัมผัสช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิตที่จะสามารถจินตนาการให้เกิดขึ้นได้บ้างรึยัง
สิ่งใดถือเป็นข้อจำกัดที่ทำให้ไม่สามารถเติมเต็มศักยภาพในตัวคุณ อาจพิจารณาได้จากการใช้ประโยชน์และความสามารถในการยกระดับสภาพแวดล้อมรอบตัวหรือการใช้เวลาไปกับสิ่งต่างๆ ระบบราชการที่ประเมินคุณด้วยวิธีการที่คุณปฏิบัติตามคำแนะนำ เศรษฐกิจที่ให้อำนาจคุณตามกำไรที่คุณสร้าง นายทหารที่มีอำนาจสั่งการทหารเกณฑ์ใหม่ยืนยันว่า วิธีที่ดีที่สุดเพื่อ “เป็นทุกสิ่งที่คุณสามารถเป็นได้” คือการยอมรับต่ออำนาจสั่งการของพวกเขา แล้วสิ่งเหล่านี้ช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างคุ้มค่าที่สุด กระนั้นหรือ
ความลับที่ถูกเปิดเผย คือ เราทุกคนสามารถทำการตัดสินใจด้วยตนเองได้อย่างสมบูรณ์ มิใช่เพราะมีใครมอบให้แต่เพราะแม้แต่เผด็จการที่มีอำนาจที่สุดก็ไม่สามารถแย่งชิงไปได้ แต่ในทันทีที่เราเริ่มตัดสินใจทำเพื่อตัวเองกลับเกิดการสร้างความขัดแย้งขึ้นกับเหล่าองค์กรสถาบันที่ควรเป็นผู้ปกป้องอิสรภาพของเรา
ผู้จัดการและเจ้าหน้าที่สรรพากรมักสนทนากันเรื่องของความรับผิดชอบส่วนบุคคล แต่หากเราเป็นผู้มีความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อทุกการกระทำของเราอยู่แล้ว เรายังสมควรที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำของพวกเขาตั้งแต่ต้นหรือไม่
จากประวัติศาสตร์อันสืบเนื่องมาอย่างยาวนานชี้ให้เห็นว่าเกิดเหตุการณ์ที่ใช้ความรุนแรงในการก่อภัยและมีอันตรายเพิ่มขึ้น โดยเหตุมาจากผลของการเชื่อฟังมากกว่าความอาฆาตพยาบาท คลังสรรพาวุธของกองทัพทั้งหมดบนโลก คือ การแสดงออกทางกายภาพของความเต็มใจที่จะปฏิบัติตามผู้อื่นด้วยความเคารพ หากคุณต้องการแน่ใจว่าไม่เคยมีส่วนร่วมในสงครามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือการกดขี่ข่มแหง สิ่งแรกที่ควรปฏิบัติ คือ หยุดกระทำตามคำสั่งการใดๆ จากผู้อื่น
นั่นเป็นสิ่งที่ทำเพื่อคุณค่าของตนเองเช่นกัน ผู้ปกครอง ผู้นำ ผู้บังคับบัญชา ข้อกฎหมาย และอีกนับไม่ถ้วนที่ต้องการให้คุณยอมจำนนอย่างไม่แม้แต่จะมีข้อสงสัย ถึงแม้คุณต้องการที่จะยกความรับผิดชอบสำหรับการตัดสินใจบางอย่างต่อพระเจ้าหรือความเชื่ออื่นใด คุณจะตัดสินใจเลือกแบบไหน จะชอบหรือไม่ แต่ที่แน่นอนที่สุด มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็นผู้กระทำการตัดสินใจในครั้งนี้ โดยปกติแล้วมนุษย์เรามักจะเลือกตามสิ่งที่คุ้นเคยหรือสะดวกที่สุด
การหลีกเลี่ยงต่อความรับผิดชอบในความเชื่อและการตัดสินใจของเรานั้นเป็นไปไม่ได้ การให้คำตอบกับคำถามของตนเองจึงดีกว่าเพื่อผู้บังคับบัญชาหรือบทบัญญัติใดๆ อาจมีความขัดแย้งต่อกันแต่อย่างน้อยที่สุดเราก็ทำตามเงื่อนไขของเราเองโดยไม่จำเป็นต้องก่อโศกนาฏกรรมจากการรับใช้วาระการประชุมจากผู้อื่น
คนงานผู้ปฏิบัติงานมีอำนาจ ผู้บังคับบัญชาผู้กำหนดหน้าที่ให้พวกเขาว่าต้องทำอะไรเป็นผู้มีอำนาจสั่งการ ผู้เช่าที่ดูแลอาคารมีอำนาจ เจ้าของอาคารที่มีชื่อถือครองกรรมสิทธิ์เป็นผู้มีอำนาจสั่งการ แม่น้ำมีอำนาจ ใบอนุญาตในการสร้างเขื่อนเป็นผู้ให้อำนาจสั่งการ
คงไม่มีความหนักใจอันใดสำหรับอำนาจที่มีพลังแห่งตน พลังอำนาจหลายชนิดสามารถทำการปลดปล่อยได้ เช่น เพื่อใช้ในการดูแลเอาใจใส่คนที่คุณรัก เพื่อปกป้องตัวเอง และเพื่อการแก้ปัญหา เป็นต้น ส่วนความสามารถในการแสดงการฝังเข็ม การบังคับเรือใบ และการแกว่งบนราวสำหรับออกกำลังกายนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการพัฒนาความสามารถของคุณที่ส่งผลต่อการเพิ่มความมีอิสรภาพให้ผู้อื่น ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ที่สามารถบรรลุศักยภาพสูงสุดของตนต่างได้มอบของขวัญให้ผู้อื่นทุกคนเช่นกัน
ในทางกลับกันผู้ที่มีอำนาจสั่งการเหนือผู้อื่นมักแย่งชิงอำนาจมาจากพวกเขาและสิ่งใดก็ตามที่คุณแย่งพวกเขามาจะถูกผู้อื่นแย่งชิงไปเสมอ จึงพึงตระหนักว่าอำนาจสั่งการเป็นอำนาจที่มาจากเบื้องบนเสมอ
นายทหาร เชื่อฟัง นายพล ผู้รับคำสั่งจาก ประธานาธิบดี ผู้ที่ได้รับมอบอำนาจสั่งการจาก รัฐธรรมนูญ
นักบวช ปฏิบัติตามคำสอนของ หัวหน้าบาทหลวง ผู้ปฏิบัติตามคำสอนของ พระสันตะปาปา ผู้ปฏิบัติตามคำสอนของ พระคัมภีร์ ที่ได้รับมอบอำนาจสั่งการจาก พระเจ้า
พนักงาน ปฏิบัติหน้าที่เพื่อตอบสนองความต้องการของ เจ้าของ ผู้ให้บริการ ลูกค้า ผู้ที่ได้รับมอบอำนาจสั่งการจาก เงินดอลลาร์
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการตามหมายจับที่ลงนามโดย ผู้พิพากษา ผู้ที่ได้รับมอบอำนาจสั่งการจาก กฎหมาย
ความเป็นชาย ความขาว ทรัพย์สิน บนยอดสูงสุดของพีระมิดเหล่านี้เป็นที่แน่ชัดว่าจะไม่พบทรราชหรือเผด็จการแต่เป็นโครงสร้างทางสังคมที่ผีสะกดจิตมนุษย์
ทุกวันนี้อำนาจและอำนาจสั่งการมีความเชื่อมโยงกันจนแยกไม่ออกเราเองต่างได้รับอำนาจเป็นการตอบแทนในการเชื่อฟังเท่านั้น หากปราศจากซึ่งอิสรภาพอำนาจก็ไร้ค่า
ในทางตรงกันข้ามกับอำนาจสั่งการศูนย์ความเชื่อใจของอำนาจอยู่ในมือของผู้ที่มอบให้มิใช่ผู้ที่ได้รับ บุคคลที่ได้รับความไว้วางใจไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจสั่งการ และอย่างแน่นอนที่สุดหากใครไม่สมควรได้รับความไว้วางใจก็ไม่ควรลงทุนด้วยอำนาจสั่งการ แล้วเราเชื่อใจใครน้อยไปกว่านักการเมืองและประธานบริษัท
หากปราศจากการใช้อำนาจอันเหลื่อมล้ำ ผู้คนจะมีแรงจูงใจในการแก้ไขข้อขัดแย้งกับความพึงพอใจต่อกันบนพื้นฐานของความเชื่อใจ ซึ่งการปกครองแบบมีลำดับขั้นจะกำจัดแรงจูงใจนี้และเกิดการมอบอำนาจสั่งการให้ผู้รับมอบมีอำนาจในการปราบปรามความขัดแย้งแทนที่ความเชื่อใจ
สิ่งที่ดีที่สุด เมื่อมิตรภาพถูกสร้างขึ้นจากความผูกพันระหว่างผู้ที่สนับสนุนและท้าทายซึ่งกันและกัน ในขณะเดียวกันต่างเคารพความเป็นส่วนตัวของกันและกัน จึงถือเป็นมาตรฐานที่ค่อนข้างดีสามารถนำมาเป็นพื้นฐานเพื่อใช้ประเมินภาพรวมของความสัมพันธ์ทั้งหมดของเรา หากปราศจากข้อจำกัดทางสังคมหรือข้อกำหนดกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นความเป็นพลเมืองและความผิดทางกฎหมาย ทรัพย์สินและหนี้สิน เครือข่ายองค์กรและสายการบังคับบัญชา เราจะสามารถสร้างความสัมพันธ์อันแท้จริงระหว่างกันบนรากฐานของสมาคมผู้ไม่หวังผลกำไรและการพึ่งพาอาศัยกันแบบร่วมด้วยช่วยกันได้
“สิทธิของคุณสิ้นสุดลง ณ ที่สิทธิของผู้อื่นเริ่มขึ้น” ตามหลักตรรกศาสตร์นี้ ยิ่งผู้คนมีมากขึ้นอิสรภาพยิ่งน้อยลง
แต่เพราะอิสรภาพไม่ได้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของสิทธิส่วนบุคคลเท่านั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสามารถแยกความต่างจากกันและกัน การหาวและเสียงหัวเราะเป็นสิ่งที่ติดต่อกันได้เฉกเช่นเดียวกับความกระตือรือร้นและความสิ้นหวัง คุณเองเป็นส่วนประกอบของถ้อยคำซ้ำซากที่ผ่านลิ้นตน เพลงที่วนเวียนอยู่ในหัว และอารมณ์ที่ได้รับการสื่อผ่านจากเพื่อนฝูงหรือคนรอบข้าง เมื่อคุณขับรถจะสร้างมลภาวะในอากาศที่ผู้อื่นหายใจ เมื่อคุณใช้ยาหรือสารเคมีจะมีผลถึงน้ำที่ทุกคนดื่ม ระบบที่ทุกคนยอมรับกลายเป็นสิ่งที่คุณต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุม แต่เมื่อมีใครบางคนท้าทายเพื่อยืนหยัดต่อต้านคุณเองก็ได้รับผลประโยชน์นั้นและมีโอกาสที่จะทำการเจรจาต่อรองใหม่ในส่วนที่มีความเชื่อมโยงต่อการดำเนินชีวิตจริงด้วยเช่นกัน อิสรภาพของคุณเริ่ม ณ ที่ของฉันเริ่มต้นขึ้น และสิ้นสุด ณ ที่ของฉันสิ้นสุดลง
มนุษย์ไม่สามารถแบ่งแยกความเป็นปัจเจกชนได้อย่างสิ้นเชิง แม้แต่ร่างกายของเราต่างประกอบด้วยสัตว์หลายพันสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ร่วมกันจากการเอื้อประโยชน์ระหว่างกันของสิ่งมีชีวิต แทนที่จะปิดป้อมปราการพวกเขากลับสร้างกระบวนการอย่างต่อเนื่องในการไหลผ่านของสารอาหารและจุลินทรีย์ เราต่างอยู่ในโลกแห่งการพึ่งพาอาศัยกันกับสิ่งมีชีวิตหลายพันชนิด ทุ่งข้าวโพดเองก็สูดดมสิ่งที่เราหายใจออก การรวมกลุ่มของฝูงหมาป่าหรือการร้องประสานเสียงของฝูงกบช่วงเย็นนั้นเป็นการแสดงลักษณะเฉพาะในความเป็นปัจเจกชนและเป็นการรวมตัวที่ไม่สามารถแบ่งแยกเสมือนว่าเป็นส่วนหนึ่งในร่างกาย เราไม่ได้ทำตัวเหมือนตกอยู่ในภาวะสุญญากาศต่างใช้การขับเคลื่อนด้วยแรงผลักดันภายในตัวเองจากเหตุและผล จึงไม่น่าแปลกใจที่กระแสน้ำของจักรวาลได้พรั่งพรูผ่านเรา
ภาษา ทำหน้าที่สื่อสารเพียงเพราะเราเห็นเป็นเรื่องธรรมดา ความคิดและความปรารถนาก็เช่นเดียวกันสามารถสื่อสารได้เพราะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเรา เราแต่ละคนจึงประกอบไปด้วยความโกลาหลของกองกำลังฝ่ายตรงข้ามทั้งหมดที่ส่งผลกระทบผ่านช่วงเวลาและสถานที่ที่ต่างกัน การเลือกศึกษาสิ่งเหล่านี้ทำให้เราเป็นผู้กำหนดว่าอะไรเป็นสิ่งที่จะสามารถสนับสนุนให้กับทุกคนที่ได้พบเจอ
อิสรภาพ มิใช่ความเป็นเจ้าของหรือทรัพย์สินมันคือความสัมพันธ์ มิใช่เรื่องของการได้รับการปกป้องจากโลกภายนอกแต่เป็นทางลัดที่เพิ่มความเป็นไปได้สูงสุด นั่นมิได้หมายรวมถึงการที่เราจะต้องหาฉันทามติเพื่อประโยชน์ในเหตุนั้นๆ ทั้งความขัดแย้งและฉันทามติต่างสามารถพัฒนาและยกระดับให้สูงขึ้นได้ ตราบใดที่มิมีอำนาจสั่งการจากส่วนกลางเพื่อบังคับใช้ด้วยข้อตกลงหรือเปลี่ยนความขัดแย้งให้เป็นการแข่งขันที่ผู้ชนะมีสิทธิ์ในทุกสิ่งทุกอย่าง จึงเห็นควรว่าแทนที่จะทำลายโลกนี้ให้เป็นศักดินาเล็กๆ เราควรหันมาใช้ประโยชน์และสร้างกรรมสัมพันธ์ที่เพิ่มการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างเราให้มากที่สุด
การเติบโตขึ้นในสังคมนี้แม้แต่ความสนใจของเราเองก็ไม่ได้เป็นของเรา ต่างได้รับการปลูกฝังผ่านการโฆษณาและโฆษณาชวนเชื่อหลายรูปแบบเพื่อให้ทำงานบนลู่วิ่งของตลาดซื้อขายต่อไป ต้องขอบคุณการปลูกฝังที่ทำให้ผู้คนต่างมีความยินดีกับตัวเองมากขึ้นที่ได้ทำสิ่งต่างๆ ให้พวกเขาต้องยากไร้ในระยะยาว เราถูกขังอยู่ในตราประทับแห่งความทุกข์และความสุขของตนเอง
เพื่อให้เป็นอิสระอย่างแท้จริงเราจึงจำเป็นต้องใช้กระบวนการที่ก่อให้เกิดความปารถนาภายในอันแรงกล้าเพื่อใช้เป็นตัวขับเคลื่อนให้กระทำสิ่งต่างๆ อย่างเต็มศักยภาพ การปลดปล่อยจึงไม่ได้หมายรวมถึงการเติมเต็มความปรารถนาที่เรามีในวันนี้แต่เป็นการเพิ่มความรู้สึกของสิ่งที่เป็นไปได้ ดังนั้นความปรารถนาของเราสามารถเปลี่ยนไปตามสภาพความเป็นจริงที่ผู้อื่นผลักดันให้เราสร้างขึ้น ซึ่งรวมถึงการปฏิเสธหรือหันเหจากความสุขที่เรามีในการบังคับสั่งการ การใช้การครอบครองและการครอบครอง เพื่อแสวงหาความสุขที่ทำให้เราเป็นอิสระจากกลไกแห่งการเชื่อฟังและการแข่งขัน หากคุณเคยติดยาเสพติดคุณจะได้ลิ้มรสว่าอะไรคือความหมายของการเปลี่ยนความปรารถนาภายในของตัวคุณเอง
โดยทั่วไปแล้วกลุ่มผู้คลั่งศาสนา (Bigots) จะตำหนิกลุ่มเฉพาะสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบ ชาวยิว เช่นเดียวกับระบบทุนนิยมที่ขับเคลื่อนด้วยผลกำไรจะเกิดกลุ่มผู้อพยพจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ หรือการที่ผู้คนต่างตำหนินักการเมืองแต่ละคนสำหรับความเสียหายจากการทุจริตโดยรวมทางการเมืองแต่แท้จริงแล้วปัญหา คือ ตัวระบบเอง ไม่ว่าใครจะเป็นผู้กุมบังเหียนต่างสร้างความไม่สมดุลทางอำนาจและเพิ่มความขุ่นเคือง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าพวกเขาสูญเสียสิ่งใดแต่กลับเป็นตัวพวกเขาเองที่เป็นผู้ปฏิบัติงานในสถานที่ทำงานแรกของระบบ
ศัตรูของเราไม่ใช่ความเป็นมนุษย์ แต่เป็นบรรดาสถาบันและกิจวัตรประจำวันทั้งหลายที่ทำให้เราห่างเหินจากกันและจากตัวเอง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเกิดความขัดแย้งภายในตัวเรามากกว่าระหว่างเรา เปรียบเสมือนแนวของรอยเลื่อนที่ไหลผ่านอารยธรรม วิ่งผ่านมิตรภาพและจิตใจ นี่ไม่ใช่การปะทะกันระหว่างผู้คนแต่เป็นระหว่างรูปแบบความสัมพันธ์และวิถีชีวิตที่ต่างกัน เมื่อเราปฏิเสธบทบาทที่จะปฏิบัติตามคำสั่งฉันทามติ จึงถือว่าเราได้เปิดแนวรอยเลื่อนเหล่านั้นเพื่อเชิญชวนให้ผู้อื่นร่วมยืนหยัดเฉกเช่นเดียวกัน
สิ่งที่ดีที่สุดคงเป็นการปฏิบัติตามด้วยการถูกครอบงำอย่างสิ้นเชิง ไม่แม้แต่จะจัดการรายละเอียดอย่างเป็นธรรม จะสับเปลี่ยนตำแหน่งของผู้ลงโทษและผู้รับโทษ จะปฏิรูปให้ระบบมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งประเด็นของการประท้วงคือการไม่เรียกร้องให้มีกฎเกณฑ์หรือผู้ปกครองสั่งการมากขึ้น เพื่อแสดงให้เห็นว่าสามารถดำเนินการด้วยความเข้มแข็ง ของตนเองพร้อมสร้างการกระตุ้นให้ผู้อื่นกระทำตามโดยไม่ให้มีการแทรกแซงจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ นี่ไม่ใช่คำถามของสงครามความขัดแย้งแบบไบนารี (Binary) ระหว่างศัตรูทางการทหารแต่เป็นการติดต่อซึ่งกันและกันของการไม่เชื่อฟัง
เราต่างเข้าใจตรงกันว่ายังเป็นสิ่งที่ไม่เพียงพอหากเพียงให้ความรู้และใช้การถกเถียงเพื่อรอให้จิตใจและความคิดของผู้อื่นเปลี่ยน จนกว่าความคิดจะเปลี่ยนไปในเชิงปฏิบัติแบบเผชิญหน้ากับผู้ที่มีตัวเลือกเป็นรูปธรรม การสนทนาจึงถือเป็นเพียงความคิดเชิงทฤษฎีที่เป็นนามธรรมเท่านั้น คนส่วนใหญ่มักจะอยู่ห่างจากการสนทนาเชิงทฤษฎีแต่เมื่อมีบางสิ่งเกิดขึ้น เมื่อเงินเดิมพันสูงขึ้น และเมื่อเรามองเห็นคุณค่า-ที่แตกต่างจากสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามเห็น สิ่งเหล่านี้จะทำให้พวกเขาจะยืนหยัดขึ้น เราไม่ต้องการความเป็นเอกฉันท์ ความเข้าใจที่ครอบคลุมทั่วโลก หรือแผนที่ถนนไปยังจุดหมายปลายทางที่แม่นยำ แต่เราต้องการเพียงความกล้าเพื่อพาเราออกเดินทางไปในเส้นทางอื่น
สิ่งไหนเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้อง ผู้ที่ละเมิดสิทธิอาจพยายามควบคุมพฤติกรรมหรือกำหนดความคิด ปิดกั้นหรือจำกัดการเข้าถึงทรัพยากร ใช้การคุกคามหรือความรุนแรง หรือทำให้คุณต้องตกอยู่ภายใต้สถานภาพที่ต้องพึ่งพาการดูแลอย่างต่อเนื่อง
สิ่งเหล่านี้ล้วนอธิบายถึงพฤติกรรมของผู้ละเมิดสิทธิทั้งหลายที่ส่งผลกระทบต่อการบริการทางธุรกรรมแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย (IRS) สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (NSA) และสถาบันหลักส่วนใหญ่ที่ดูแลสังคมนี้ แท้จริงแล้วทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับแนวคิดที่ว่ามนุษย์จะต้องมีการเฝ้าระวังจับตาเพื่อให้ได้รับการบริหารจัดการและถูกปกครอง
ยิ่งมีการเพิ่มขึ้นของความไม่สมดุลในอำนาจสั่งการที่บังคับใช้ต่อเรามากเพียงใดยิ่งจำเป็นต้องเพิ่มการควบคุมเพื่อรักษาและปกป้องไว้มากเพียงนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ปลายทางอีกด้านหนึ่งของการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่องการควบคุมจะได้รับสิทธิ์ให้ใช้อย่างไร้ความปราณีบนรากฐานของแต่ละบุคคล รวมไปถึงการโจมตีด้วยโดรนหรือทีมสวาท (SWAT) การขังเดี่ยว การจัดทำข้อมูลเชิงประวัติเกี่ยวกับเชื้อชาติ การเป็นทั้งสิ่งที่พบเห็นได้ทุกที่และที่ไม่สามารถพบเห็นได้ ซึ่งรวมอยู่ในโครงสร้างพื้นฐานของสังคม ความเท่าเทียมในการจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินและเบี้ยประกัน วิธีจัดเก็บข้อมูลทางสถิติและการนำมาใช้เพื่อการวางผังเมือง สถาปัตยกรรมของเว็บไซต์หาคู่และฐานงานการตลาด เพื่อสังคม เป็นต้น ทุกวันนี้สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ตรวจสอบสิ่งที่เราทำผ่านการออนไลน์ ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในทางการควบคุมได้ดีไปกว่าขั้นตอนวิธีที่จะสามารถกำหนดสิ่งที่เราเห็นเมื่อเข้าสู่ระบบ
เมื่อความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดของชีวิตลดทอนไปสู่การจัดเรียงตามลำดับของบรรดาตัวเลือกที่มีรหัสซ้ำๆ กันของหนึ่งและศูนย์ เราจะไม่มีความขัดแย้งระหว่างระบบที่อาศัยอยู่กับชีวิตที่เราสามารถจินตนาการได้ มิใช่เพียงเพื่อให้ได้รับอิสรภาพอย่างแท้จริงแต่เป็นเพราะจะทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามให้สมบูรณ์ บนพื้นฐานของความจริงที่ว่า อิสรภาพไม่ได้หมายถึงการเลือกระหว่างตัวเลือกทั้งมวลแต่อิสรภาพเป็นการตั้งคำถาม
มีกลไกที่แตกต่างกันมากมายในการกำหนดความไม่เสมอภาค บางสิ่งขึ้นอยู่กับองค์กรส่วนกลาง เช่น ระบบศาลยุติธรรม ระบบราชการ เป็นต้น ส่วนอื่นสามารถจำแนกเป็นประเภทย่อยอย่างไม่เป็นทางการเพิ่มได้เช่นเดียวกับเครือข่ายเพื่อสังคมพิเศษ “good ol’ boy” และบทบาททางเพศ
กลไกเหล่านี้บางส่วนได้รับการลดความน่าเชื่อถือเกือบทั้งหมด คงมีเพียงไม่กี่คนที่ยังคงเชื่อในสิทธิอันสูงส่งของกษัตริย์แม้เวลาได้ผ่านล่วงเลยมาหลายศตวรรษและไม่เหลือรากฐานอื่นใดในสังคมให้แม้แต่จะคิดถึง ผู้อื่นยังมีความคิดฝังลึกที่ว่าเราไม่สามารถจินตนาการถึงการมีชีวิตอยู่ได้หากปราศจากพวกเขา และจะมีใครที่จะสามารถจินตนาการถึงโลกใบนี้ที่ปราศจากทรัพยสิทธิ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นโครงสร้างทางสังคม คือ ความจริง แต่ไม่ใช้สิ่งที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ กล่าวคือ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของเจ้าของที่ดินและประธานบริษัทนั้นขาดซึ่งความเป็นธรรมชาติ ความจำเป็น หรือที่เป็นประโยชน์มากกว่าการดำรงอยู่ของจักรพรรดิ
กลไกทั้งหมดนี้ต่างถูกพัฒนาขึ้นด้วยกันจากการหนุนเนืองเสริมกัน ยกตัวอย่างเช่น ประวัติศาสตร์การเหยียดเชื้อชาติหรือสีผิวนั้นไม่สามารถแยกออกจากประวัติศาสตร์ของลัทธิทุนนิยมได้ คงไม่มีใครที่จะสามารถจินตนาการถึงสิ่งต่างๆ ได้ หากปราศจากการล่าอาณานิคม ทาส หรือเส้นสีที่แบ่งคนงาน การตัดสินว่าใครควรอยู่ในเรือนจำและสลัมของโลก เป็นต้น ในทำนองเดียวกันหากปราศจากโครงสร้างพื้นฐานของรัฐและลำดับชั้นทางสังคมแล้วความเชื่อส่วนบุคคลเองก็ไม่สามารถบังคับอำนาจสูงสุดของระบบสีขาวได้ ประธานาธิบดีผิวดำสามารถเป็นผู้ที่มีอำนาจสั่งการสูงสุดในโครงสร้างเหล่านี้ได้เพียงเพื่อทำให้เกิดความมีเสถียรภาพขึ้นในระบบและเป็นข้อยกเว้นที่แสดงให้เห็นถึงกฎนั้นเอง
เพื่อเป็นแนวทางสู่การนำไปใช้ในรูปแบบอื่น ตราบใดที่ยังมีตำรวจคุณคิดว่าใครจะกล้าก่อกวนสร้างความไม่สงบ ตราบใดที่ยังมีคุกคุณคิดว่าใครจะเข้าไปอยู่จนเต็ม ตราบใดที่ยังมีความยากจนคุณคิดว่าใครจะจน จึงเป็นเรื่องไร้เดียงสายิ่งนักที่จะเชื่อว่าเราจะสามารถบรรลุเจตจำนงแห่งความเท่าเทียมกันในสังคมที่มีการปกครองตามลำดับชั้น จงอย่าลืมว่าคุณอาจสามารถสลับไพ่ได้แต่ยังคงเป็นไพ่จากสำรับเดิม
หากมีกองกำลังต่างชาติรุกรานแผนดินนี้ ตัดต้นไม้ วางยาพิษในแม่น้ำ และบังคับให้เด็กๆ เติบโตขึ้นด้วยการปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีต่อพวกเขา เฉกเช่นนี้แล้วใครบ้างที่จะไม่หยิบอาวุธเพื่อลุกขึ้นต่อต้าน แต่เมื่อการปกครองส่วนท้องถิ่นกระทำการเยี่ยงเดียวกันเหล่าผู้รักชาติต่างพร้อมใจที่จะเชื่อฟัง เงินภาษี และเด็กๆ
บนข้อเท็จจริงที่ว่าพรมแดนมิได้มีไว้เพื่อปกป้องแต่มีไว้เพื่อแบ่งแยกเรา เป็นการสร้างความไม่ลงรอยกันอย่างไม่จำเป็น และปิดบังความแตกต่างที่แท้จริงระหว่างสิ่งที่รวมอยู่ จึงจะเห็นได้ว่าแม้แต่รัฐบาลระบอบประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพมากที่สุดก็ถูกก่อตั้งขึ้นจากการแบ่งแยกระหว่างบุคคลผู้มีส่วนร่วมและบุคคลผู้ไม่มีส่วนร่วม ที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย เป็นต้น เมืองเอเธนส์โบราณที่มีชื่อเสียงว่าเป็นบ้านเกิดของประชาธิปไตยเองก็มีเพียงผู้ชายเท่านั้นที่ร่วมอยู่ในกระบวนการทางการเมือง บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งประชาธิปไตยยุคใหม่ก็ไม่ต่างจากเจ้าของทาส และการเป็นพลเมืองก็ยังเป็นอุปสรรคระหว่างการถูกรวมและไม่รวมในสหรัฐฯ ส่วนการทอดทิ้งผู้อยู่อาศัยที่ไม่มีเอกสารสิทธิก็ปฏิบัติสืบทอดกันมาโดยการใช้ประโยชน์จากชีวิตของพวกเขา
อุดมคติเสรีนิยม คือ การขยายขอบเขตของการรวมจนกระทั่งเชื่อมโลกทั้งใบด้วยโครงการประชาธิปไตยเดียวอันกว้างใหญ่ แต่ความไม่เหลื่อมล้ำต่ำสูงแห่งความไม่เท่าเทียมนั้นได้ถูกเขียนลงในโครงสร้างของตัวมันเองอยู่แล้ว ในทุกระดับของสังคมนี้กว่าพันพรมแดนเล็กๆ แบ่งเราให้เป็น มีอำนาจและไร้ซึ่งอำนาจ จุดตรวจรักษาความปลอดภัย รหัสผ่านฐานข้อมูล อันดับความน่าเชื่อถือทางการเงิน ช่วงราคาสินค้า เป็นต้น เราล้วนต้องการรูปแบบของการเป็นเจ้าของที่ไม่ได้รับการบอกกล่าวล่วงหน้าเกี่ยวกับเรื่องการแบ่งแยก ที่ไม่รวมอำนาจและความชอบด้วยกฎหมายเข้าไว้ด้วยกัน และไม่ถูกปิดกั้นความเห็นอกเห็นใจต่อชุมชนที่มีเขตแดนอันชัดเจน
คุณสามารถมีอำนาจได้โดยการใช้มัน คุณสามารถเรียนรู้สิ่งที่คุณสนใจได้โดยการใช้เวลาไปกับมัน เมื่อความพยายามทุกวิถีทางในการใช้ประโยชน์จากโลกนี้ต้องผ่านช่องทางการไกล่เกลี่ยของผู้แทนหรือเปลี่ยนเป็นสนธิสัญญาชั้นต้น ของสถาบันทั้งหลาย จึงทำให้เรากลายเป็นคนแปลกแยกจากกันและจากศักยภาพของเราเอง ทุกแง่มุมของหน่วยงานรัฐเห็นว่าเรายินยอมให้เกิดขึ้นซ้ำเหมือนเป็นสิ่งที่เราจำไม่ได้และมักมีเจตนาร้ายอย่างไม่เป็นมิตรแอบแฝงอยู่ นักการเมืองผู้ทำให้เราผิดหวังอยู่เสมอมักแสดงให้เห็นถึงอำนาจจากการที่เรายอมแพ้ต่อชีวิต และแม้แต่ความรุนแรงของตำรวจเองก็เป็นผลลัพธ์ด้านมืดจากความปรารถนาของเราที่จะหลีกเลี่ยงต่อความรับผิดชอบส่วนบุคคลสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในละแวกใกล้เคียง
ในโลกแห่งยุคดิจิทัล เมื่อทุกคนต้องให้บริการอย่างต่อเนื่องในการทำหน้าที่เป็นเลขานุการของตนเองเพื่อจัดการกับภาพลักษณ์ให้ดูดี ทำให้ความมีชื่อเสียงกลายเป็นเปลือกนอกเสมือนเลือดที่มีไว้ให้แวมไพร์สูบกิน หากเราไม่แยกจากกันและต่างไม่แข่งขันกันนำเสนอตัวเองต่อมืออาชีพและการตลาดเพื่อสังคมแล้ว เรายังจะสิ้นเปลืองเวลาและพลังงานอย่างล้นหลามเพียงเพื่อการสร้างข้อมูลส่วนตัวเยี่ยงนั้นหรือ หากเป็นเช่นนั้นจะดีกว่าไหมที่จะหันไปสร้างวัวทองคำ (golden calves) ตามภาพลักษณ์ของตัวคุณเองเลย
ความเป็นเรานั้นไม่สามารถลดทอนได้ การได้รับมอบหมายหรือภาวะนามธรรมต่างไม่สามารถยืนหยัดเพื่อเรา ในการลดความเป็นมนุษย์เพื่อเป็นประชากรและลดประสบการณ์จริงเพื่อเป็นข้อมูลนั้น ส่งผลให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นในทุกสิ่งที่มีค่าและเป็นเอกลักษณ์ของโลกใบนี้ เราต้องการการปรากฏตัว ความฉับพลัน การติดต่อสัมพันธ์โดยตรง การควบคุมที่อยู่เหนือชีวิต และสิ่งที่ไม่ต้องมีผู้แทนหรือการเป็นผู้แทนเพื่อส่งมอบ
ภาวะผู้นำเป็นความผิดปกติทางสังคมซึ่งผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ในกลุ่มล้มเหลวในการริเริ่มหรือคิดอย่างมีวิจารณญาณเกี่ยวกับการกระทำของตัวพวกเขาเอง ตราบใดที่เราเข้าใจหน่วยงานภาครัฐในฐานะทรัพย์สินของแต่ละบุคคลแทนที่จะเป็นกรรมสัมพันธ์ ทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับผู้นำเสมอ และด้วยความเมตตาจากพวกเขาผู้นำที่เป็นแบบอย่างที่แท้จริงนั้นมีอันตรายไม่ต่างจากผู้ที่กระทำการทุจริตอย่างเปิดเผยและเห็นได้ชัด ซึ่งคุณสมบัติที่น่าสรรเสริญคงหนีไม่พ้นการเสริมสถานะและการเพิ่มการเชื่อฟังของผู้อื่นต่อตนเอง โดยยังมิทันได้กล่าวถึงความชอบธรรมของการเป็นผู้นำด้วยซ้ำ
เมื่อตำรวจมาถึงการประท้วงคำถามแรกมักจะเป็น “ใครเป็นหัวหน้ากลุ่ม” ไม่ใช่เพราะความเป็นผู้นำมีความสำคัญต่อการกระทำทั้งมวลแต่เพราะชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อน กลุ่มนักสำรวจยุคโบราณกองกิสตาดอร์ (Conquistadores) ถามคำถามเดียวกันเมื่อพวกเขามาถึงยังสถานที่ที่เรียกว่าโลกใหม่ ณ ที่ใดก็ตามที่มีคำตอบ ซึ่งได้ช่วยพวกเขามาหลายศตวรรษในการปราบปรามประชากรของตนเอง ตราบใดที่ยังมีผู้นำก็สามารถเป็นผู้กระทำการแทน เป็นผู้แทน หรือถูกจับเป็นตัวประกันแทนได้ สิ่งที่ดีที่สุดของการขึ้นอยู่กับผู้นำ คือ เป็นจุดอ่อน ส่วนที่เลวร้ายที่สุด คือ เพิ่มความสนใจในการใช้อำนาจสั่งการและโครงสร้างอำนาจภายในจากเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นปฏิปักษ์ต่อเรา จึงถือเป็นเรื่องที่ดีกว่าหากทุกคนจะมีระเบียบวาระการประชุมและความรู้สึกว่าเป็นหน่วยงานภาครัฐของตนเอง
รัฐบาลทั้งหลายต่างให้สัญญาสิทธิแต่รับได้เพียงเสรีภาพเท่านั้น แนวคิดเรื่องสิทธิเปรียบเปรยได้กับอำนาจจากส่วนกลางที่เป็นผู้ให้อนุญาตและปกป้องพวกเขา เมื่อรัฐมีอำนาจมากพอที่จะรับประกันในบางสิ่งอำนาจนั้นก็มากพอที่จะยกเลิกการรับประกันนั้นได้เช่นกัน การเพิ่มขีดความสามารถของรัฐบาลในการแก้ปัญหาใดปัญหาหนึ่งเป็นการเปิดประตูสู่การตอนรับปัญหาอื่นตามมา และไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใดต่างไม่สามารถสร้างพลังงานจากอากาศที่เบาบางได้แต่นั่นเป็นอำนาจของเราที่พวกเขาใช้เป็นเครื่องมือ ซึ่งเราสามารถใช้งานอำนาจเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าโดยไม่ต้องมีเครื่องจักรกลไก โกลด์เบิร์ก (Rube Goldberg machine) ของการเป็นผู้แทนมาเกี่ยวข้อง
ระบอบประชาธิปไตยที่เสรีที่สุดมีหลักการเดียวกันกับระบอบเผด็จการที่เผด็จการที่สุด โดยการรวมศูนย์อำนาจและความชอบธรรมทางกฎหมายไว้ในโครงสร้างที่มีจุดประสงค์เพื่อผูกขาดการใช้กำลัง ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการที่ต้องปฏิบัติงานในโครงสร้างนี้เพื่อรับใช้ต่อกษัตริย์ ประธานาธิบดี หรือผู้มีสิทธิเลือกตั้งต่างไม่ใช่ประเด็น กฎหมาย ระบบราชการ และตำรวจ ล้วนมีอายุมากกว่าระบอบประชาธิปไตยและทำงานในลักษณะเดียวกันทั้งกับประชาธิปไตย และเผด็จการ ความต่างเพียงอย่างเดียวคือการที่เราสามารถลงคะแนนเสียงเพื่อเลือกว่าใครควรเป็นผู้บริหารพวกเขาและถือว่าพวกเขาเป็นเสมือนพรรคพวกของเรา แม้ในขณะที่พวกเขาใช้อำนาจจากเราเพื่อเป็นปฏิปักษ์และต่อต้านเราเองก็ตาม
การปกครองระบอบเผด็จการนั้นมีความไม่แน่นอน คุณสามารถทำการสังหารหมู่ จำคุก และล้างสมองผู้คนในยุคนี้ได้ทั้งหมด โดยที่ลูกๆ ของพวกเขาจะพยายามคิดค้นวิธีต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้ได้มาซึ่งอิสรภาพอีกครั้ง ถึงแม้คุณจะให้คำมั่นสัญญากับทุกคนว่ามีโอกาสที่จะกำหนดวิธีปฏิบัติตามความประสงค์ของผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ที่มีความสำคัญเหนือของตน เพื่อทำการรวบรวมพวกเขาทั้งหมดไว้เบื้องหลังของระบบที่สร้างความขัดแย้งให้แก่พวกเขาเอง ยิ่งเหล่าบรรดา ผู้มีอิทธิพลคิดว่าตนมีอิทธิพลเหนือสถาบันหลักของรัฐมากเท่าใดยิ่งทำให้สถาบันเหล่านั้นเป็นที่นิยมชมชอบมากเท่านั้น บางทีนี่อาจอธิบายได้ว่าทำไมการขยายตัวของประชาธิปไตยทั่วโลกจึงเกิดขึ้นพร้อมกับความไม่เท่าเทียมในการจัดสรรทรัพยากรและการกระจายอำนาจ อย่างแน่นอนที่สุด ไม่มีระบบอื่นใดของรัฐบาลที่จะสร้างเสถียรภาพในสถานการณ์ที่ไม่มั่นคงเช่นนี้ได้
เมื่ออำนาจถูกรวมเข้าด้วยกัน ประชาชนต้องสูญเสียอำนาจการปกครองเหนือผู้อื่นเพื่อรับอิทธิพลเหนือชะตากรรมตนเอง ซึ่งการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความเป็นเอกราชนั้นจะนำไปสู่การแข่งขันเพื่อแย่งชิงอำนาจทางการเมือง ไม่ต่างไปจากการร่วมเป็นสักขีพยานในสงครามกลางเมืองของประเทศโลกที่สามระหว่างประชาชนที่ก่อนหน้านี้เคยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข กลุ่มคนที่มีอำนาจอยู่ในมือสามารถคงไว้ซึ่งอำนาจโดยการทำสงครามอย่างต่อเนื่องทั้งกับประชากรของตนและชาวต่างชาติ เห็นได้จากการที่กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติถูกเรียกตัวกลับจากอิรัก (Iraq) เพื่อนำไปใช้ในโอ๊คแลนด์ (Oakland)
เมื่อใดก็ตามที่มีการปกครองแบบลำดับชั้นจะเป็นการช่วยสนับสนุนผู้ที่อยู่สูงสุดของพีระมิดในการรวบรวมอำนาจ ซึ่งการเพิ่มหลักการว่าด้วยการถ่วงดุลอำนาจให้ระบบนั้นเป็นการพึ่งพาการปกป้องต่อสิ่งที่ต้องได้รับการปกป้อง และมีเพียงวิธีเดียวที่จะใช้ประโยชน์จากผู้มีอำนาจในการสั่งการโดยไม่ต้องถูกดูดเข้าไปในเกมของพวกเขา นั้นคือการพัฒนาเครือข่ายแนวนอนให้สามารถปกครองตนเองได้ เมื่อเรามีพลังอำนาจมากพอที่จะบังคับให้ผู้อื่นหันมาช่วยเราอย่างจริงจังได้ เราจะมีพลังอำนาจมากพอที่จะแก้ปัญหาเหล่านั้นด้วยตัวเองหากปราศจากพวกเขา
ไม่มีหนทางใดนำไปสู่ความเป็นอิสรภาพนอกจากตัวอิสรภาพเอง แทนที่จะเป็นคอขวดเดียวสำหรับหน่วยงานภาครัฐทั้งหมดเราจำเป็นต้องมีสถานที่อันหลากหลายไว้ให้ใช้อำนาจ และแทนที่จะเป็นหนึ่งสกุลเงินเอกพจน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายเราจำเป็นต้องมีเรื่องราวที่หลากหลายไว้ให้เล่านั้นเอง สำหรับพื้นที่ของการบีบบังคับอย่างปกติวิสัยในรัฐบาลเราจำเป็นต้องมีโครงสร้างการตัดสินใจที่ส่งเสริมการปกครองตนเองและการปฏิบัติเพื่อปกป้องตนเอง เสมือนว่า ตน คือผู้ปกครอง ณ ที่แห่งนั้น
เงิน เป็นกลไกในอุดมคติสำหรับการนำความไม่เสมอภาคมาใช้ เป็นเพียงนามธรรมที่ดูเหมือนว่าจะเป็นตัวแทนของทุกสิ่ง เป็นสากลซึ่งแม้แต่ผู้คนที่ไม่มีอะไรเหมือนกันต่างยอมรับว่าเป็นความจริงของชีวิต ไม่มีตัวตนเป็นความต่างจากสิทธิทางพันธุกรรมที่สามารถถ่ายโอนได้ในทันทีจากบุคคลหนึ่งสู่อีกบุคคลหนึ่ง เป็นของไหลที่เห็นได้ง่ายกว่าจากการเปลี่ยนตำแหน่งในระบบการปกครองแบบมีลำดับชั้น ยิ่งระบบมีเสถียรภาพยิ่งเห็นถึงการไหลได้ชัดเจนขึ้น จึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้เมื่อมีผู้คนจำนวนมากที่ต้องการก่อการกบฏเพื่อโค่นล้มระบอบเผด็จการ โดยพร้อมยอมรับอำนาจสั่งการจากการตลาดอย่างง่ายดาย
เมื่อคุณค่าทั้งหมดของการบรรเลงดนตรีรวมอยู่ในเครื่องดนตรีเพียงชิ้นเดียว แม้แต่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตที่อยากเรียกคืนกลับทั้งที่เป็นไปไม่ได้ก็ไร้ซึ่งความหมาย กลับกลายเป็นเพียงราชสกุลเงินตราที่ใช้คำนวณคุณค่าทั้งมวลของอำนาจแห่งนามธรรม ทุกสิ่งที่ไม่สามารถวัดค่าทางการเงินจะตกหล่นไปตามทาง ชีวิตจะกลายเป็นสิ่งที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพียงเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน สิ่งต่างๆ จะต่อต้านซึ่งกันและกันทั้งหมด จนเหลือไว้เพียงการขายหรือการถูกขาย
เพื่อสร้างผลกำไรนั่นหมายรวมถึงการได้รับสิทธิควบคุมและเข้าถึงทรัพยากรของสังคมที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้อื่นมากขึ้น เราไม่สามารถทำกำไรได้ทั้งหมดในคราเดียว การที่บุคคลหนึ่งจะทำกำไรจากผู้อื่นได้นั้นเป็นการได้มาซึ่งอำนาจที่ผู้อื่นต้องสูญเสียไปเช่นกัน ดังนั้นเมื่อนักลงทุนได้กำไรจากการทำงานของพนักงานจึงอุปมาได้ว่า ยิ่งพนักงานทำงานเพิ่มขึ้นยิ่งทำให้เกิดช่องว่างทางการเงินระหว่างพวกเขาเพิ่มมากขึ้นนั้นเอง
ระบบที่ขับเคลื่อนด้วยกำไรจะก่อให้เกิดความยากจนในระดับเดียวกันกับความมั่งคั่ง ตัวอย่างเช่น ยิ่งสร้างแรงกดดันในการแข่งขันสร้างนวัตกรรมที่มีความเร็วสูงสุดยิ่งสร้างความต่างของสิ่งประดิษฐ์ที่ก่อระดับความไม่เสมอภาคเพิ่มมากขึ้น ในที่ที่มีผู้บัญชาการบนหลังม้าเพียงผู้เดียวปกครองเหนือผู้เดินเท้าทั้งมวล เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหนตอนนี้ได้แล่นผ่านผู้ขับขี่ยานยนต์และคนจรจัด เป็นต้น และสืบเนื่องมาจากการที่ทุกคนจำเป็นต้องแสวงหาผลกำไรแทนที่จะทำสิ่งต่างๆ ด้วยแรงผลักดันภายในเพื่อประโยชน์แห่งตน ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นหายนะ ภัยพิบัติจากผลกระทบของสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงเป็นเพียงความเสียหายครั้งล่าสุดจากเรื่องราวบางส่วนในมหันตภัยครั้งนี้ ที่แม้กระทั่งนายทุนผู้ทรงอำนาจที่สุดก็ยังไร้ซึ่งหนทางที่จะสั่งการหยุดยั้ง อันที่จริงแล้วทุนนิยมไม่ได้ให้รางวัลแก่ผู้ประกอบการในการแก้ไขวิกฤตการณ์แต่เป็นเพียงการขึ้นเงินสดจากพวกเขาเท่านั้นเอง
รากฐานของทุนนิยม คือ ทรัพยสิทธิหรือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน ซึ่งได้รับการสืบทอดมาจากโครงสร้างทางสังคม ระบอบกษัตริย์และขุนนาง ในทุกวันนี้ทรัพย์สินได้รับการเปลี่ยนสิทธิครอบครองเร็วขึ้นแต่ยังคงแนวคิดเดิมที่ว่า สิทธิแห่งความเป็นเจ้าของนั้นทำให้การใช้ความรุนแรงเป็นเรื่องที่ชอบธรรม จนส่งผลสืบเนื่องต่อการสร้างความเหลื่อมล้ำต่ำสูงในการเข้าถึงหรือจัดสรรที่ดินและทรัพยากร
บางคนจินตนาการว่าทรัพย์สินอาจมีอยู่หากไม่มีรัฐ แต่ทรัพยสิทธิจะไร้ซึ่งความหมายหากปราศจากอำนาจสั่งการในการบังคับใช้จากส่วนกลาง และตราบใดที่อำนาจส่วนกลางนี้ยังคงอยู่จะไม่มีสิ่งใดเป็นของคุณอย่างแท้จริง เงินที่คุณหามานั้นถูกสร้างขึ้นโดยรัฐภายใต้ภาษีและอัตราเงินเฟ้อ ชื่อผู้เป็นเจ้าของในทะเบียนรถของคุณถูกควบคุมโดยกรมการขนส่ง และแม้แต่บ้านก็ไม่ได้เป็นของคุณแต่เป็นของธนาคารที่ให้สินเชื่อแก่คุณไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของโฉนดที่ดินผืนงามผืนใดก็ตาม
แล้วสิ่งใดกันเป็นสิ่งที่ต้องใช้เพื่อปกป้องสิ่งที่สำคัญสำหรับเรา รัฐบาลมีอยู่ได้โดยอาศัยสิ่งที่พวกเขาแย่งชิงไปจากเราและเป็นการแย่งชิงมากกว่าการให้เสมอ การตลาดให้รางวัลแก่เราสำหรับการหลอกขายให้ผู้อื่นและให้รางวัลแก่ผู้อื่นสำหรับการหลอกขายให้เรา ดังนั้นจึงมีเพียงกรรมสัมพันธ์ทางสังคมที่เป็นตัวสร้างความมั่นใจเยี่ยงหลักประกันภัยอย่างแท้จริง ทำให้เราจำเป็นต้องมีเครือข่ายความช่วยเหลือซึ่งกันและกันที่สามารถป้องกันตนเองได้
หากไม่มีเงินหรือทรัพยสิทธิใดๆ ความสัมพันธ์ของเรากับสิ่งต่างๆ จะถูกกำหนดขึ้นจากกรรมสัมพันธ์แท้จริงระหว่างกันเท่านั้น แต่ในโลกยุคปัจจุบันสิ่งต่างๆ กลับเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม เมื่อกรรมสัมพันธ์ถูกกำหนดขึ้นจากความสัมพันธ์ของเรากับสิ่งต่างๆ แทน ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้นการที่เราออกห่างจากทรัพย์สินไม่ได้หมายความว่าเราจะสูญเสียทรัพยสิทธินั้นไปเพราะแม้แต่นายอำเภอหรือภาวะตลาดหุ้นตกก็ไม่สามารถยกเลิกสิทธิ์นี้ได้ เราควรเริ่มด้วยการตอบสนองต่อความต้องการอันแท้จริงของมนุษย์แทนที่จะตอบสนองต่อความต้องการของรัฐบาลหรือระบบราชการ และควรไล่ตามข้อดีของการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันแทนที่จะใช้ประโยชน์จากกันและกัน
ความกลัวที่เลวร้ายที่สุดของคนโกง คือ สังคมที่ปราศจากทรัพย์สิน เพราะหากไม่มีสิ่งเหล่านี้พวกเขาจะได้รับความเคารพอย่างที่สมควรได้รับเท่านั้น หากไม่มีระบบเงินตรา มนุษย์เราจะวัดคุณค่าของผู้คนจากกรรมสัมพันธ์ที่มีส่วนร่วมในชีวิตจริงของกันและกันไม่ใช่จากสิ่งที่พวกเขาสามารถใช้เงินเพื่อติดสินบนผู้อื่นให้ทำตามที่ตนต้องการได้ หากไม่มีกำไรทุกความพยายามจะถือเป็นรางวัลของตัวมันเองจึงทำให้ขาดซึ่งแรงจูงใจสำหรับกิจกรรมที่ด้อยค่าหรือเป็นกิจกรรมทำลายล้าง แท้จริงแล้วสิ่งที่มีความสำคัญในชีวิตเรา คือ แรงผลักดันจากเจตจำนงแห่งความปรารถนาภายในอันแรงกล้า ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และความเอื้ออาทรในรูปแบบที่หลากหลายแตกต่าง คงต้องพึ่งพยุหเสนาของตำรวจและเจ้าหน้าที่ประเมินสินทรัพย์เพื่อช่วยกำหนดความขาดแคลนที่ใช้เป็นสิ่งล่อให้พวกเรายังคงวิ่งไล่ตามอยู่ในการแข่งขันวิ่งหนูครั้งนี้
เมื่อทุกการสั่งการเกิดขึ้นจากอาชญากรรมก่อนหน้าที่สิ้นสุดลงหรือจางหายไปภายใต้คำสั่งการก่อนหน้า หลังจากนั้นการสั่งการใหม่จะถูกมองว่าถูกต้องตามกฎหมายซึ่งผู้คนต่างเริ่มที่จะยอมรับในสิ่งนี้ และเมื่อการก่อตั้งองค์กรอาชญากรรมของสหรัฐอเมริกาเป็นการปฏิวัติต่ออำนาจสั่งการของกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรอังกฤษด้วยแล้วจึงสร้างความเข้าใจที่ว่า การก่อตั้งองค์กรอาชญากรรมของสังคมจะตามมาหากเราไม่สามารถจัดการให้อำนาจสั่งการเหล่านี้หายไปได้ และยังส่งผลให้เราจำต้องตกอยู่ภายใต้กฎหมายและบรรดาสถาบันแห่งโลกปัจจุบัน
ในหมวดของอาชญากรรมนั้นถือได้ว่ารวมทุกสิ่งที่เกินขีดจำกัดของสังคม เลวร้ายที่สุดและดีที่สุด ทุกระบบถูกทำให้กลัวในทุกสิ่งที่ไม่สามารถรวมหรือควบคุมได้ และทุกคำสั่งการต่างมีเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างในตัวมันเอง
ถ้อยคำที่ว่า “ไม่มีอะไรเป็นอมตะ” นั่นหมายรวมถึงจักรวรรดิและอารยธรรม แต่สิ่งไหนกันที่จะสามารถแทนที่สิ่งเหล่านี้ได้ หากลองจินตนาการถึงการสั่งการที่ไม่ได้เกิดขึ้นภายใต้ความสำคัญแห่งการดำรงชีวิตกลายเป็น ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ผู้ออกกฎและผู้ทำตามกฎ แล้วคุณคิดว่าอะไรควรเป็นสิ่งที่อาจจะเป็นการก่ออาชญากรรมครั้งสุดท้าย
อนาธิปไตย (ANARCHY) คือ สิ่งที่เกิดขึ้น ณ ที่ใดก็ตามที่การสั่งการปราศจากเจตจำนงแห่งการกำหนดเพื่อบังคับ เป็นอิสรภาพของกระบวนการอย่างต่อเนื่องในการปฏิรูปจากการบูรณาการตนเองและความสัมพันธ์ระหว่างกันของเรา
กระบวนการที่เกิดขึ้นเองอย่างอิสระหรือเป็นปรากฏการณ์ เช่น ป่าฝนอันอุดมสมบูรณ์ ความสัมพันธ์แบบฉันมิตร ระบบร่างกายของเรา สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความสามัคคีปรองดองแห่งอนาธิปไตยที่ยืนหยัดฝังแน่นต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในทางกลับกันรูปแบบของการควบคุมสั่งการจากบนลงล่าง (Top-down control) เป็นการสั่งการที่ถูกควบคุมด้วยข้อจำกัดหรือการบีบบังคับ เช่น วินัยที่ล่อแหลมของห้องขังโรงเรียนมัธยม โรงงานหรือฟาร์มที่มีสารกำจัดศัตรูพืชและวัชพืชเพื่อปกป้องข้าวโพดที่ดัดแปลงพันธุกรรม สิ่งเหล่านี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงอำนาจนำที่เปราะบางของเหล่ามหาอำนาจ
ลัทธิอนาธิปไตย (ANARCHISM) โดยทั่วไปนิยามว่าเป็นปรัชญาทางการเมืองมีอุดมการณ์แนวคิดที่ว่า ทุกคนมีสิทธิเสมอภาคที่จะตัดสินใจด้วยตนเองอย่างสมบูรณ์ สนับสนุนสังคมที่ปราศจากกฎหมายและรัฐบาล กล่าวคือ เป็นการคัดค้านการสั่งการที่ชี้นำความสัมพันธ์ของมนุษย์จนส่งผลกระทบต่อกระบวนการตัดสินใจ โดยให้ความสำคัญต่อคำสั่งการเหนือความจำเป็นและความปรารถนาในเจตจำนงแท้จริงแห่งความเป็นมนุษย์ ผู้คนควรมีอิสระในการกำหนดความสัมพันธ์ของพวกเขาจากความพึงพอใจในความเชื่อมโยงระหว่างกันและยืนหยัดเพื่อตนเองตามที่เห็นสมควร อย่างสมัครใจ
ลัทธิอนาธิปไตยไม่ใช่ความเชื่อหรือพิมพ์เขียว ระบบไม่สามารถทำงานได้เพียงการออกมาใช้สิทธิอย่างประชาธิปไตยหรือเพื่อเป้าหมายที่รับรู้ได้ในอนาคตอันไกลเฉกเช่นคอมมิวนิสต์ แต่เป็นหนทางที่นำไปสู่วิถีแห่งการกระทำและเชื่อมความสัมพันธ์กันที่เราสามารถเริ่มนำไปปฏิบัติได้ โดยใช้การสนับสนุนอ้างอิงจากระบบค่านิยมของตนหรือแนวทางปฏิบัติตามเห็นควร เราสามารถเริ่มจากข้อสงสัยที่ว่าทำอย่างไรจึงจะเกิดการกระจายอำนาจ
ผู้นิยมลัทธิอนาธิปไตย (ANARCHISTS) คัดค้านลำดับชั้นการปกครองในทุกรูปแบบ ทุกสกุลเงินที่มุ่งเน้นการกระจายอำนาจสู่กลุ่มคนเพียงไม่กี่คน ทุกกลไกที่ทำให้เราอยู่ห่างจากศักยภาพของตน ต่อต้านระบบปิดด้วยความที่เรามักเพลิดเพลินกับสิ่งที่ไม่รู้จักก่อนตัวเราเสมอ และต่อต้านความสับสนวุ่นวายภายในโดยอาศัยอำนาจจากสิ่งที่ทำให้เราเป็นอิสระ
เมื่อเราเห็นว่าอะไรคือความเหมือนกันบนพื้นฐานของแต่ละสถาบันและกลไกการปกครองจะทำให้เราเข้าใจขึ้นว่า การต่อสู้ดิ้นรนในการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคลเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งใดก็ตามที่ยิ่งใหญ่กว่าเสมอ สิ่งใดก็ตามที่สามารถเชื่อมโยงเราเข้าหากัน เมื่อร่วมกันต่อสู้บนรากฐานเหล่านี้เราจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ในทุกสิ่ง ไม่เพียงแต่สิ่งที่เรากำลังต่อสู้ดิ้นรนแต่รวมไปถึงความรู้สึกเป็นตนแห่งอัตวิสัยที่ว่า ตนเป็นผู้เริ่ม ผู้ปฏิบัติ และผู้ควบคุมการกระทำตามเจตนา การกำหนดขอบเขตความสามารถที่เราจะมีความสุขได้ และการตระหนักถึงคุณค่าแห่งมนุษย์ในการมีชีวิตอยู่ ทั้งหมดนี้ต่างทำหน้าที่ค้นหากันและกันเพื่อก่อให้เกิดผลลัพธ์ตามตรรกะของเหตุและผลที่ต่างกัน